Minimal vs. Luxury สองสไตล์บ้านที่แตกต่าง แต่เต็มไปด้วยเสน่ห์

บ้านคือพื้นที่สะท้อนรสนิยมของผู้อยู่อาศัย และการเลือกสไตล์ที่ใช่ไม่ใช่แค่เรื่องของความสวยงาม แต่ยังส่งผลต่อบรรยากาศ การใช้ชีวิต และความรู้สึกของคนในบ้าน

ปัจจุบันมีสองสไตล์ที่ได้รับความนิยมสูง ได้แก่ Minimal และ Luxury ซึ่งแม้ว่าจะมีจุดเด่นที่แตกต่างกัน แต่ต่างก็มีอิทธิพลจากแนวคิดการออกแบบที่ลึกซึ้งและประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ

Minimal Style เสน่ห์ของความเรียบง่าย

ที่มาและพัฒนาการของสไตล์ Minimal
แนวคิด Minimalism เริ่มต้นจากขบวนการ Bauhaus ในเยอรมนีช่วงต้นศตวรรษที่ 20 โดย Bauhaus เป็นสถาบันศิลปะและการออกแบบที่ก่อตั้งขึ้นในปี 1919 โดย Walter Gropius ซึ่งมีแนวคิดหลักคือการออกแบบที่เน้น Form follows function (รูปทรงต้องตามฟังก์ชัน) และลดทอนองค์ประกอบที่ไม่จำเป็น

แนวคิดนี้ได้รับอิทธิพลจาก Zen Philosophy ของญี่ปุ่น ที่เน้นความเรียบง่าย สงบ และการจัดพื้นที่ให้มีความสมดุล สถาปัตยกรรมญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมใช้วัสดุธรรมชาติ เช่น ไม้ หิน และกระดาษ เพื่อสร้างความกลมกลืนกับธรรมชาติ

วิธีตกแต่งห้องสไตล์ Minimal

  1. โทนสี – ใช้สีที่เป็นกลาง เช่น ขาว เทา ดำ น้ำตาลอ่อน เพื่อสร้างบรรยากาศที่สงบและสบายตา
  2. เฟอร์นิเจอร์ – เลือกชิ้นที่มีดีไซน์เรียบง่าย เน้นฟังก์ชันการใช้งาน เช่น โซฟาทรงเหลี่ยม โต๊ะไม้แบบขาโลหะ
  3. แสงสว่าง – ใช้แสงธรรมชาติให้มากที่สุด โดยติดตั้งหน้าต่างกระจกขนาดใหญ่ และใช้ผ้าม่านโปร่งแสง
  4. การตกแต่ง – ใช้ของตกแต่งน้อยชิ้น เช่น แจกันเซรามิกเล็กๆ โปสเตอร์ขาว-ดำ หรือพรมสีเอิร์ธโทน
  5. การจัดวาง – ต้องคำนึงถึงพื้นที่ใช้สอย จัดเฟอร์นิเจอร์ให้โล่ง โปร่ง ไม่มีของตกแต่งเยอะเกินไป

ตัวอย่างห้องสไตล์ Minimal

  1. ห้องนั่งเล่น – โซฟาสีขาวเรียบ พรมสีเทา โต๊ะกาแฟไม้เตี้ยๆ ผนังเรียบไม่มีลวดลาย
  2. ห้องนอน – เตียงไม้สีอ่อน ผ้าปูที่นอนสีขาว โคมไฟดีไซน์มินิมอล โต๊ะข้างเตียงเล็กๆ
  3. ห้องครัว – เคาน์เตอร์สีขาว หน้าบานตู้ไม้เรียบ ไม่มีมือจับ พื้นกระเบื้องสีอ่อน

Luxury Style ความหรูหราที่สะท้อนรสนิยม

ที่มาและพัฒนาการของสไตล์ Luxury

สไตล์ลักชัวรีได้รับอิทธิพลจากศิลปะแบบ Renaissance (ศตวรรษที่ 15) และ Baroque (ศตวรรษที่ 17) ซึ่งเป็นยุคที่ชนชั้นสูงในยุโรปให้ความสำคัญกับความโอ่อ่า และวัสดุหรูหรา เช่น หินอ่อน ทองคำ และไม้แกะสลัก

ในยุค Art Deco (ศตวรรษที่ 20) ความหรูหราได้รับอิทธิพลจากการออกแบบแนวโมเดิร์นที่เน้นวัสดุโลหะ ขัดเงา และรูปทรงเรขาคณิต เช่น อาคาร Chrysler Building ในนิวยอร์ก

วิธีตกแต่งห้องสไตล์ Luxury

  1. โทนสี – ใช้สีหรูหรา เช่น สีทอง สีเงิน สีดำเงา น้ำเงินเข้ม หรือสีครีม เพื่อให้ความรู้สึกโอ่อ่า
  2.  วัสดุ – ใช้วัสดุระดับพรีเมียม เช่น หินอ่อน กระจกเงา โลหะขัดเงา และเฟอร์นิเจอร์หุ้มกำมะหยี่
  3. เฟอร์นิเจอร์ – เลือกเฟอร์นิเจอร์ที่มีรายละเอียด เช่น โต๊ะหินอ่อน โซฟาหนังแท้ เก้าอี้หลุยส์
  4. แสงไฟ – ใช้โคมไฟแชนเดอเลียร์ หรือไฟซ่อน LED เพื่อสร้างมิติและเพิ่มความหรูหรา
  5. การตกแต่ง – ใช้ของตกแต่งที่โดดเด่น เช่น กระจกกรอบทอง งานศิลปะแบบ Abstract หรือแจกันดอกไม้ขนาดใหญ่

ตัวอย่างห้องสไตล์ Luxury

  1. ห้องนั่งเล่น – โซฟากำมะหยี่สีน้ำเงินเข้ม โต๊ะหินอ่อน โคมไฟระย้า ผ้าม่านเนื้อหนัก
  2. ห้องนอน – เตียงขนาดใหญ่ หัวเตียงหุ้มหนัง ผ้าปูที่นอนไหมแท้ พรมลายหรู กรอบรูปทอ
  3. ห้องครัว – เคาน์เตอร์หินอ่อน หน้าบานตู้สีดำเงาหรือเมทัลลิก อุปกรณ์สแตนเลส

Wisdom รองรับทุกสไตล์ให้บ้านของคุณสมบูรณ์แบบ
Minimal หรือ Luxury ประตูและหน้าต่างคือองค์ประกอบสำคัญที่ช่วยเติมเต็มสไตล์ของบ้าน

สำหรับ Minimal

  • Live Series – กรอบบางเฉียบ ดีไซน์เรียบหรู รับแสงธรรมชาติเต็มที่
  • Hide Series – ระบบบานเลื่อนที่ซ่อนรางและกรอบ เพื่อความมินิมอลที่แท้จริง

สำหรับ Luxury

  • Sense Series – ประตูหน้าต่างหรูหรา พร้อมระบบล็อกหลายจุด เพิ่มความปลอดภัย
  • Grand Series – ดีไซน์แข็งแรง โอ่อ่า พร้อมกระจกเทมเปอร์เกรดพรีเมียม

Minimal หรือ Luxury? ไม่ว่าคุณจะเลือกสไตล์ไหน Wisdom พร้อมเติมเต็มให้บ้านของคุณสมบูรณ์แบบ"

ติดต่อเราเพื่อรับคำแนะนำเพิ่มเติม!